เฟิร์น เรียกได้ว่าเป็นพรรณไม้ที่ได้รับความนิยมตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็นสวนสไตล์ทรอปิคัล สวนอังกฤษ สวนโมเดิร์น ล้วนแต่มีเฟินเป็นองค์ประกอบ อาจเป็นเพราะเฟินเป็นพรรณไม้ที่ดูแลง่ายและมีฟอร์มใบที่สวย
เฟิร์น เป็นไม้ประดับที่แตกต่างจากไม้ใบประดับอื่นๆ เช่น มีรากฝอยอยู่ตามผิวดิน ซอกหิน ต้นไม้ ลำต้นมีหลายแบบทั้งสูงใหญ่ เลื้อยทอด บางชนิดก็มีลำต้นอยู่ใต้ดิน สืบพันธุ์โดยสปอร์ทำให้กระจายตัวเติบโตได้อย่างรวดเร็ว มีทั้งชนิดที่ชอบแดดและทนร่ม บวกกับขนาดที่มีตั้งแต่เล็กจิ๋วไปจนถึงเป็นกอใหญ่ ทำให้เฟินถูกยกให้เป็นต้นไม้คู่สวนยอดนิยม และมีการผสมสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่มีความงามและแตกต่างกันออกไป วันนี้ Livegoalthai จะพาไปดูกันว่า เฟินยอดนิยม ปลูกในสวนมีพันธุ์ไหนบ้างที่น่าสนใจ
เฟิร์นข้าหลวง
เป็นเฟินที่ปลูกเลี้ยงง่าย มีความแข็งแรงคงทน ชอบแสงรำไร เป็นเฟิร์นอิงอาศัยที่สามารถเติบโตบนดินได้จึงนิยมปลูกทั้งในกระถางสำหรับตั้งประดับภายในบ้าน และปลูกประดับในสวนตามต้นไม้ใหญ่ โขดหิน เสริมให้สวนดูร่มรื่นมากขึ้น
เฟิร์นสไบนาง
พุ่มกอขนาดใหญ่ที่นิยมห้อยประดับอยู่ตามคาเฟ่ ร้านอาหาร ก้านใบที่เรียวยาวเหมือนผ้าสไบ เฟินสไบนางจึงเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้ สามารถปลูกได้ทั้งในกระถางและอาศัยบนต้นไม้ใหญ่ในสวนได้ ชอบแสงรำไร วัสดุปลูกจึงควรระบายน้ำได้ดีอย่างกาบมะพร้าว
เฟิร์นบอสตัน
โทนสีเขียวอ่อนมองดูแล้วสบายตา พุ่มแน่นใบย่อยรูปรีปลายแหลมเกาะเป็นกลุ่ม ช่วยเพิ่มความสว่างให้สวยเขียวได้ดีทีเดียว เฟินบอสตันมีหลายพันธุ์ด้วยกัน เช่น บอสตันแคระ ขนนก เจ้าฟ้า ปันหยี แต่ที่คุ้นตาและนิยมปลูกประดับสวนมักจะเป็นเฟินบอสตันแคระ
เฟิร์นใบมะขาม
อีกหนึ่งเฟินที่นิยมปลูกประดับสวนคือเฟินใบมะขาม ที่มีทรงใบเรียงตัวเหมือนใบมะขาม โตเร็ว อยู่ได้ทั้งที่ที่มีแดดเต็มวันและมีแสงรำไร ปลูกได้ทั้งในกระถางและปลูกลงแปลง เติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายและที่ระบายน้ำได้ดี ชอบน้ำมาก
เฟิร์นเงิน
ใบสีเขียวเข้มแต่มีแถบสีขาวยาวคาดยาวตรงกลางใบ แตกต่างจากเฟินที่พบเจอทั่วไป เฟินเงินเป็นเฟินดินทรงพุ่มเล็กชอบดินร่วนโปร่ง เหมาะปลูกเป็นไม้กระถางหรือปลูกประดับในที่ร่มชื้นเพราะไม่ชอบแดดจัด ต้องการแค่เพียงแดดครึ่งวันเช้าถึงแดดรำไรก็เพียงพอ
เฟิร์นชายผ้าสีดา
เป็นเฟินอาศัยที่นิยมปลูกประดับกับต้นไม้ใหญ่ ใบมี 2 แบบ คือ ใบกาบ ทำหน้าที่ห่อหุ้มระบบราก รักษาความชื้น และยึดเกาะที่อยู่อาศัย ส่วนใบอีกแบบคือ ใบชายผ้า หรือเรียกอีกชื่อว่าใบเขากวาง เป็นใบที่ใช้สร้างอับสปอร์เมื่อต้นโตเต็มที่ มีหลายชนิดหลายพันธุ์ บางชนิดสามารถแตกหน่อและตัดไปขยายพันธุ์ได้ ชอบแดดรำไรครึ่งวันและชอบความชื้น เฟินชนิดนี้ควรปลูกในที่สูงให้ใบได้ห้อยระย้าจะสวยงามมาก
เฟิร์นกนกนารีเลื้อย
มุมน้ำตกที่เต็มไปด้วยความชื้นหรือโขนหินที่ชุ่มฉ่ำเป็นพิเศษ เป็นสภาพแวดล้อมที่เฟินกนกนารีเลื้อยเติบโตได้ดี ใบรูปทรงเกล็ดดูละเอียด ทอดเลื้อยไปตามผิวดิน ชูยอดตั้งขึ้น รากแตกจากลำต้น นิยมปลูกเป็นไม้คลุมดินเสริมพื้นที่สวนให้ดูเขียวขจียิ่งขึ้น
เฟิร์นก้านดำ
เป็นชนิดที่เรียกได้ว่าเลี้ยงยาก แต่ด้วยรูปใบที่หลากหลายและก้านใบสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้เฟินก้านดำยังได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน มีหลายชนิด ทั้งก้านดำใบด่าง ก้านดำใบร่ม ซึ่งแต่ละชนิดก็สวยงามต่างกันไปนิยมปลูกลงกระถางตั้งประดับให้เกิดความสวยงาม
การดูแล ให้น้ำ ให้ปุ๋ย
น้ำ
เฟิร์นต้องการความชื้นสูง ดังนั้นน้ำจึงเป็นปัจจัยสำคัญ น้ำที่ใช้รดเฟินควรเป็นน้ำสะอาด มีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH)ประมาณ 6-6.5 และไม่เป็นน้ำกร่อย การปลูกเฟินในบ้านทั่วไปจะใช้น้ำประปาเป็นหลัก แต่ควรกักน้ำไว้หนึ่งคืน เพื่อให้น้ำเย็นก่อนนำมารด จะช่วยให้เฟินเจริญงอกงามได้ดี
การรดน้ำ หากเป็นฤดูร้อน ควรรดน้ำทุกวันเช้า-เย็น ถ้าเป็นฤดูฝนหรือฤดูหนาวให้รดทุก 2 วัน เฟิร์นบางชนิดพักตัวในฤดูหนาว ควรพักการให้น้ำหรือรดน้ำเพียงเล็กน้อย แล้วรอจนพ้นฤดูหนาวจึงให้น้ำอีกครั้ง
Tips เทคนิคการรดน้ำ
- รดน้ำให้รอบโคนต้น จนกว่าน้ำจะไหลออกจากก้นกระถาง อย่ารดน้ำที่ด้านใดด้านหนึ่ง เพราะต้นจะได้รับน้ำไม่เพียงพอ ทำให้ใบเหี่ยวเฉาได้
- ถ้าวัสดุปลูกยังชื้นอยู่ ไม่ควรรดน้ำอีก
- การรดน้ำในช่วงเย็น ควรทำตอนที่ยังมีแสงอยู่บ้าง เพื่อให้น้ำที่ค้างอยู่บนใบและต้นแห้งก่อนฟ้ามืด
ปุ๋ย
การให้ปุ๋ยเฟิร์นต้องให้บ่อยๆ แต่ให้ทีละน้อย ทั้งปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์
- ปุ๋ยอินทรีย์ เป็นวัสดุจากธรรมชาติ จึงเหมาะกับพืชทุกชนิดรวมทั้งเฟิร์น แต่อาจมีวัชพืชหรือเชื้อราติดมา ทำให้ต้นพืชเกิดปัญหา ดังนั้นก่อนใช้งาน ควรตากแดดให้แห้งหรืออบฆ่าเชื้อก่อน ถ้าใช้ปุ๋ยคอกจากมูลหมู ควรหมักทิ้งไว้เพื่อให้โซดาไฟที่ใช้ฆ่าเชื้อโรคอาจปนเปื้อนมาให้สลายก่อนนำมาใช้ ในกรณีของปุ๋ยน้ำชีวภาพ ควรเจือจางก่อนนำมาใช้ เพราะมีส่วนผสมของกากน้ำตาล ถ้าใช้แบบเข้มข้นอาจทำให้ใบไหม้ได้ นอกจากนี้ก็มีปุ๋ยอินทรีย์อีกชนิดที่ปลอดภัยกับเฟินก็คือปุ๋ยปลา ซึ่งมีราคาแพงและหายาก
- ปุ๋ยเคมี ที่นิยมใช้มีหลายแบบ ควรใช้น้อยกว่าที่ระบุไว้บนฉลาก ในกรณีของปุ๋ยเม็ดและปุ๋ยละลายช้าให้หว่านรอบโคนต้น โดยเว้นระยะห่างจากโคนต้นพอสมควร เสร็จแล้วรดน้ำให้ชุ่ม เฉพาะปุ๋ยละลายช้าจะมีสูตร 3 เดือน 6 เดือน จึงไม่จำเป็นต้องใส่บ่อยๆ ส่วนปุ๋ยเกล็ดละลายช้า (แนะนำสูตร 16-16-16 หรือ 21-21-21) หรือปุ๋ยน้ำ ใช้วิธีฉีดพ่นตามใบ แต่จะค่อนข้างเปลือง เพราะปุ๋ยจะละลายไปกับน้ำที่รด